ผู้เชี่ยวชาญกำจัดสัตว์รบกวน
หากคุณพบปัญหาสัตว์รบกวนระบาดในพื้นที่ อย่าลังเลที่จะติดต่อเร็นโทคิล เราพร้อมบริการและปกป้องคุณจากอันตรายของสัตว์ที่ไม่ได้รับเชิญ
เมื่อสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย แผ่นดินที่เคยแห้งแล้งกลับแปรเปลี่ยนเป็นผืนน้ำกว้างใหญ่ ทุ่งนา บ้านเรือน และถนนหนทางถูกน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมขัง สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้กับผู้คนเป็นวงกว้าง ภัยพิบัติจากน้ำท่วม นอกจากจะสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินแล้ว ยังเป็นพาหะนำโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคฉี่หนู ภัยเงียบที่แฝงตัวมากับกระแสน้ำ คอยจ้องเล่นงานผู้ประสบภัยที่เผลอไผล
โรคฉี่หนู หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคเลปโตสไปโรซิส เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจากเชื้อ Leptospira ซึ่งมักพบในปัสสาวะของสัตว์ต่าง ๆ เช่น หนู สุนัข โค กระบือ เมื่อน้ำท่วมขัง เชื้อโรคเหล่านี้จะปะปนมากับน้ำ ดิน และโคลน กลายเป็นภัยร้ายที่มองไม่เห็น คอยคุกคามสุขภาพของผู้คน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องลุยน้ำ สัมผัสกับสิ่งสกปรก หรือมีบาดแผลตามร่างกาย แต่มันมีอะไรเยอะกว่านั้นอีก ติดตามกันได้ในบทความนี้
โรคฉี่หนู หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า โรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เลปโตสไปรา (Leptospira) ซึ่งมีรูปร่างเป็นเกลียวเล็ก ๆ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เชื้อโรคชนิดนี้มักอาศัยอยู่ในไตของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เช่น หนู, วัว, ควาย, สุนัข, สุกร โดยเฉพาะหนู ถือเป็นพาหะสำคัญที่ทำให้เชื้อแพร่กระจายสู่คนได้ง่าย
แล้วเชื้อเลปโตสไปราเข้าสู่ร่างกายคนได้อย่างไร? อันดับแรกที่ยอดนิยมก็จะมาผ่านทางบาดแผล รอยขีดข่วน หรือผิวหนังที่มีรอยแตก เมื่อเราเดินลุยน้ำท่วมขัง หรือสัมผัสกับดิน โคลน ที่ปนเปื้อนเชื้อ เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผลได้ แม้จะเป็นแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม หรือการสัมผัสใบหน้า หรือเผลอกินอาหาร ดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ ก็ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้เช่นกัน แล้วอาการเป็นอย่างไร เราจะอธิบายให้เดี๋ยวนี้เลย
อาการของโรคฉี่หนูมีความหลากหลายมาก บางคนมีอาการเล็กน้อยคล้ายไข้หวัด บางคนอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณเชื้อที่ได้รับ สุขภาพของผู้ป่วย และความรวดเร็วในการรักษา ขออธิบายลักษณะอาการโดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้
มักมีไข้สูง 38-40 องศาเซลเซียส หนาวสั่น ปวดหัวมาก บางรายปวดจนทนไม่ไหว ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะบริเวณน่อง โคนขา และหลัง บางรายอาจมีอาการปวดรุนแรงจนเดินลำบาก เยื่อบุตาอักเสบ ตาแดงก่ำ อาจมีขี้ตา หรือน้ำตาไหล บางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วย และบางรายอาจมีอาการท้องเสีย ร่วมกับอาการอื่น ๆ รวมถึงอาจมีผื่นแดงขึ้นตามตัว หรือมีจุดเลือดออกเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง
ระยะแรกนี้ อาการมักจะเกิดขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อ และอาการอาจอยู่อีกประมาณ 4-7 วันหลังจากนั้น หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น
หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรงขึ้น และเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ดีซ่าน (ตัวเหลือง ตาเหลือง) เกิดจากการอักเสบของตับ ทำให้ผิวหนังและตาขาวมีสีเหลือง ทั้งนี้เชื้อเลปโตสไปรา ทำลายไต ทำให้ไตทำงานผิดปกติ มีปัสสาวะออกน้อย ตับถูกทำลาย ทำให้ตับทำงานผิดปกติ เยื่อหุ้มสมองอักเสบทำให้มีไข้สูง ปวดศีรษะ คอแข็ง ซึม สับสน อาจมีอาการชัก ไปจนถึงเลือดออกผิดปกติ เช่น ไอเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เลือดออกตามผิวหนัง
ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้อันตรายมาก อาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น หากมีอาการของโรคฉี่หนู ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที สิ่งสำคัญที่คืออาการของโรคฉี่หนู มีความหลากหลาย และอาจคล้ายคลึงกับโรคอื่น ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ดังนั้น หากมีอาการไข้ ปวดเมื่อย และมีประวัติสัมผัสกับน้ำท่วมขัง หรือสัตว์ที่อาจเป็นพาหะ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และรักษาอย่างทันท่วงที
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ เลปโตสไปรา (Leptospira) ซึ่งพบได้ในปัสสาวะของสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคฉี่หนู แน่นอนว่ามาจากการสัมผัสกับน้ำหรือดินที่ปนเปื้อนเชื้อ ภัยน้ำท่วมเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เชื้อเลปโตสไปราแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีน้ำขัง เช่น ทุ่งนา บ้านเรือน ถนนหนทาง เชื้อโรคจะปะปนมากับน้ำ ดิน และโคลน ทำให้ผู้ที่ลุยน้ำ หรือสัมผัสกับสิ่งสกปรกเหล่านี้ มีโอกาสติดเชื้อสูง
รวมไปถึงการเล่นน้ำ ว่ายน้ำ หรือทำกิจกรรมในแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง หนองน้ำ บึง ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เนื่องจากอาจมีปัสสาวะของสัตว์ปนเปื้อนอยู่ รวมถึงผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการเกษตร ปศุสัตว์ หรือต้องสัมผัสกับน้ำ ดิน และสัตว์บ่อยๆ เช่น ชาวนา ชาวสวน คนงานในฟาร์ม สัตวแพทย์ คนงานโรงฆ่าสัตว์ มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป
ทั้งนี้ เชื้อเลปโตสไปรา สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ผ่านทางบาดแผล รอยขีดข่วน หรือผิวหนังที่มีรอยแตก แม้จะเป็นแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม ดังนั้น ผู้ที่มีบาดแผล ควรดูแลรักษาความสะอาด และปิดแผลให้มิดชิด เมื่อต้องสัมผัสกับน้ำหรือดิน ฉะนั้นการรักษาความสะอาด เช่น การล้างมือล้างเท้าให้สะอาดหลังสัมผัสกับน้ำหรือดิน การรับประทานอาหารที่ปรุงสุก การดื่มน้ำสะอาด เป็นต้น ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้
จำไว้ว่า โรคฉี่หนู เป็นโรคที่ป้องกันได้ การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และการดูแลสุขอนามัย เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรค
การป้องกันโรคฉี่หนู สำคัญมาก ๆ เพราะโรคนี้ หากเป็นแล้วอาจมีอาการรุนแรง และทำให้เสียชีวิตได้ แต่ข่าวดีคือ เราสามารถป้องกันตัวเองจากโรคนี้ได้ ด้วยวิธีง่าย ๆ คือหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำท่วมขัง ไม่เดินลุยน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีน้ำขัง เช่น ทุ่งนา บ้านเรือน ถนนหนทาง เพราะน้ำเหล่านี้อาจปนเปื้อนเชื้อเลปโตสไปราจากปัสสาวะของสัตว์หรือหากจำเป็นต้องลุยน้ำ ควรสวมรองเท้าบูตยาง หรือวัสดุกันน้ำ ที่สูงเหนือระดับน้ำท่วมขัง เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสกับน้ำโดยตรง และควรระมัดระวัง อย่าให้น้ำเข้าไปขังในรองเท้า และไม่เล่นน้ำ หรือว่ายน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ: เช่น แม่น้ำ ลำคลอง หนองน้ำ บึง ที่อาจมีปัสสาวะของสัตว์ปนเปื้อนอยู่
ล้างมือ ล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาด ทุกครั้งหลังจากสัมผัสกับน้ำ ดิน โคลน หรือสัตว์ อาบน้ำชำระร่างกายทันทีหลังจากลุยน้ำท่วมขัง หรือทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง รักษาความสะอาดบ้านเรือนและบริเวณโดยรอบ กำจัดขยะ เศษอาหาร และสิ่งปฏิกูล ที่อาจเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของหนู กำจัดหนูในบ้านเรือน และบริเวณโดยรอบ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อ
ถ้าให้ดีที่สุดก็ทำความสะอาดบาดแผล: ด้วยน้ำสะอาด และสบู่ ทุกครั้ง ปิดแผลให้มิดชิดด้วยผ้าพันแผล หรือปลาสเตอร์กันน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล หลีกเลี่ยงอาหารดิบ หรืออาหารที่ปรุงไม่สุก ดื่มน้ำสะอาด: ที่ผ่านการต้ม หรือน้ำบรรจุขวด ที่ปิดสนิท
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เกษตรกร ชาวนา ชาวสวน คนงานในฟาร์ม สัตวแพทย์ คนงานโรงฆ่าสัตว์ ควรพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโรคฉี่หนู เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และหากมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ตาแดง คลื่นไส้ อาเจียน และมีประวัติสัมผัสกับน้ำท่วมขัง หรือสัตว์ที่อาจเป็นพาหะ: ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
เพราะการป้องกัน ดีกว่าการรักษา การดูแลสุขอนามัย หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และการปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากโรคฉี่หนู แม้ในช่วงเวลาที่เกิดน้ำท่วมก็ตาม
สุดท้ายแล้ว น้ำท่วม อาจพัดพาความเสียหายมาสู่บ้านเรือน ทรัพย์สิน แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่า คือภัยเงียบจากโรคฉี่หนู ที่แฝงมากับสายน้ำ การรู้เท่าทันภัยเงียบนี้ พร้อมกับการดูแลสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด คือเกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุด แต่หากต้องการความมั่นใจยิ่งขึ้น อย่าลืมนึกถึง Rentokil ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมสัตว์รบกวน ที่จะช่วยคุณกำจัดหนู พาหะนำโรค อย่างมืออาชีพ ให้คุณและครอบครัวปลอดภัยจากโรคฉี่หนู แม้ในฤดูน้ำหลาก Rentokil ปกป้องคุณจากภัยเงียบ ให้คุณอุ่นใจ แม้ยามน้ำท่วม